ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี
(๑) สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต ฯ
สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธานสาสนํ ฯ
อนูปวาโท อนูปฆาโต ปาติโมกฺเข จ สํวโร
มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ปนฺตญฺจ สยนาสนํ
อธิจิตฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธานสาสนนฺติ ฯ
[๕๕] เอกมิทาหํ ภิกฺขเว สมยํ อุกฺกฏฺฐายํ วิหรามิ สุภวเน ๒
สาลราชมูเล ฯ ตสฺส มยฺหํ ภิกฺขเว รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส
เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ น โข โส สุทฺธาวาโส ๓
สุลภรูโป โย มยา อนาวุตฺถปุพฺโพ ๔ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา
อญฺญตฺร สุทฺธาวาเสหิ เทเวหิ ยนฺนูนาหํ เยน สุทฺธาวาสา
เทวา เตน อุปสงฺกเมยฺยนฺติ ฯ อถโขหํ ภิกฺขเว เสยฺยถาปิ
นาม พลวา ปุริโส สมฺมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย ปสาริตํ
วา พาหํ สมฺมิญฺเชยฺย เอวเมว อุกฺกฏฺฐายํ สุภวเน สาลราชมูเล
อนฺตรหิโต อวิเหสุ เทเวสุ ปาตุรโหสึ ฯ ตสฺมึเยว โข ภิกฺขเว
เทวนิกาเย อเนกานิ ๕ เทวตาสตานิ อเนกานิ เทวตาสหสฺสานิ เยนาหํ
เตนุปสงฺกมึสุ อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐํสุ ฯ
#๑ ม. น ฯ ๒ ม. ยุ. สุภควเน ฯ อิโต ปรํ อีทิสเมว ฯ ๓ ม. ยุ. สตฺตาวาโส ฯ
#๔ ม. อนชฺฌาวุตฺถปุพฺโพ ฯ ๕ ม. ยุ. อเนกานิ เทวตาสหสฺสานีติ ปาฐทฺวยํ นตฺถิ ฯ
การไม่กล่าวร้ายผู้อื่น
การไม่เบียดเบียนผู้อื่น
ความสำรวมในปาติโมกข์
ความเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร
การอยู่ในเสนาสนะที่สงัด
การประกอบความเพียรในอธิจิต
นี้คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย’๑
คำกราบทูลของเทวดา
{๕๕}[๙๑] ภิกษุทั้งหลาย สมัยหนึ่ง เราอยู่ที่ควงต้นราชสาละ ป่าสุภควัน
กรุงอุกกัฏฐะ ขณะที่เรานั้นหลีกเร้นอยู่ในที่สงัด ได้มีความรำพึงอย่างนี้ว่า ‘เทวโลก
ชั้นสุทธาวาสที่เราไม่เคยอยู่มาเลยตลอดกาลนานนี้ ไม่ใช่ใคร ๆ จะเข้าถึงได้โดยง่าย
ยกเว้นเหล่าเทพชั้นสุทธาวาส ทางที่ดี เราควรไปหาเหล่าเทพชั้นสุทธาวาส’ จึงได้
หายไปจากควงต้นราชสาละนั้นไปปรากฏในเหล่าเทพชั้นอวิหาอย่างรวดเร็ว เหมือนบุรุษ
ผู้มีกำลังเหยียดแขนออกหรือคู้แขนเข้าฉะนั้น
ในหมู่เทพนั้น มีเทวดามากมาย จำนวนหลายร้อย หลายพัน เข้ามาหาเรา
อภิวาทแล้วยืนอยู่ ณ ที่สมควร ได้กล่าวกับเราดังนี้ว่า ‘ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์
นับจากกัปนี้ถอยหลังไป ๙๑ กัป พระวิปัสสีพุทธเจ้าได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก มีพระชาติ
เป็นกษัตริย์ ได้เสด็จอุบัติขึ้นในตระกูลกษัตริย์ มีพระโคตรว่าโกณฑัญญะ มีพระ
ชนมายุประมาณ ๘๐,๐๐๐ ปี ตรัสรู้ที่ควงต้นแคฝอย ทรงมีคู่พระอัครสาวก เป็นคู่
ที่เจริญ ได้แก่พระขัณฑะและพระติสสะ มีการประชุมพระสาวก ๓ ครั้ง ครั้งที่ ๑
มีภิกษุ ๑๖๘,๐๐๐ รูป ครั้งที่ ๒ มีภิกษุ ๑๐๐,๐๐๐ รูป ครั้งที่ ๓ มีภิกษุ
๘๐,๐๐๐ รูป พระสาวกที่เข้าประชุมทั้ง ๓ ครั้ง ล้วนแต่เป็นพระขีณาสพ มีภิกษุ
อโสกะเป็นอุปัฏฐาก เป็นอัครอุปัฏฐาก มีพระเจ้าพันธุมาเป็นพระบิดา พระนาง