ก่อน ว่า “ก็ อิทธิบาท อันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง มีสมาธิอาศัยฉันทะ เป็นปธานกิจ นี้ เป็นธรรมที่ ควรทำให้เกิดมี”; ภิกษุ ท. ! จักษุ ญาณปัญญา วิชชา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมที่ไม่เคยฟังมาแต่ก่อน ว่า “ก็ อิทธิบาท อันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง มีสมาธิอาศัย ฉันทะ เป็นปธานกิจ นี้ เราทำให้เกิดมีได้แล้ว”.
(ในกรณีแห่ง วิริยะอิทธิบาท จิตตะอิทธิบาท วิมังสาอิทธิบาท ก็ตรัสไว้ด้วยระเบียบแห่งถ้อยคำ อย่างเดียวกัน).
เหตุที่ทำให้ได้พระนามว่า “อนุตตรปุริสทัมมสารถิ” ๑
ภิกษุ ท. ! คำที่เรากล่าวแล้วว่า “ตถาคตนั้น เป็นผู้อันบุคคลกล่าวว่าเป็นสารถีฝึกบุรุษ ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า ในบรรดาอาจารย์ผู้ฝึก ท.” ดังนี้นั้น; คำนั้น เรากล่าวแล้วเพราะอาศัยอะไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ช้าง ที่ควรฝึก อันควาญช้างฝึกจนรู้บทแห่งการฝึกแล้ว ก็แล่นไปได้สู่ทิศทางเดียวเท่านั้น คือทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ หรือทิศใต้. ภิกษุ ท. ! ม้า ที่ควรฝึก อันควาญม้าฝึกจนรู้บทแห่งการฝึกแล้ว ก็แล่นไปได้สู่ทิศทางเดียวเท่านั้น คือทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ หรือทิศใต้. ภิกษุ ท. ! โค ที่ควรฝึก อันผู้ฝึกโคจนรู้บทแห่งการฝึกแล้ว ก็แล่นไปได้สู่ทิศทางเดียวเท่านั้น คือทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ หรือทิศใต้.
ภิกษุ ท. ! ส่วน บุรุษที่ควรฝึก อันตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะฝึกจนรู้บทแห่งการฝึกแล้ว ก็แล่นไปได้สู่ทิศทั้งแปด : เป็นผู้มีรูป ย่อมเห็นรูป ท. นี้คือทิศที่ ๑; เป็นผู้ ไม่มีสัญญาในรูปอันเป็นภายใน ย่อมเห็นซึ่งรูป ท. อันเป็นภายนอก
________________________________
๑. บาลี สฬายตนวิภังคสูตร อุปริ. ม.
๑๔/๔๐๙/๖๓๗. ตรัสแก่ภิกษุ ท. ที่เชตวัน.