ภิกษุเป็นผู้มีความปรารถนาลามก ... ภิกษุเป็นผู้มีความเห็นผิด จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์
ในธรรมวินัยนี้ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรอานนท์ ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล
จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ฯ
ดูกรอานนท์ ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ ข้อนี้
จึงเป็นฐานะที่มีได้ ภิกษุเป็นผู้มีศีล ... ภิกษุเป็นพหูสูตทรงไว้ซึ่งสุตะ ... ภิกษุเป็นผู้มีมิตรดีงาม ...
ภิกษุเป็นผู้ปรารภความเพียร ... ภิกษุเป็นผู้มีสติตั้งมั่น ... ภิกษุเป็นผู้สันโดษ ... ภิกษุเป็นผู้มีความ
ปรารถนาน้อย ... ภิกษุเป็นผู้มีความเห็นชอบ จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ ข้อนี้
จึงเป็นฐานะที่มีได้ ดูกรอานนท์ ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล จักถึงความเจริญงอกงาม
ไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ฯ
จบสูตรที่ ๒
ปุณณิยสูตร
[๘๓] ครั้งนั้นแล ท่านพระปุณณิยะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคม
แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้พระธรรมเทศนาแจ่มแจ้งกะพระตถาคตในกาลบางคราว
ไม่แจ่มแจ้งในกาลบางคราว พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรปุณณิยะ ภิกษุมีศรัทธา แต่ไม่เข้า
ไปหา พระธรรมเทศนาจึงไม่แจ่มแจ้งกะพระตถาคตก่อน แต่ในกาลใด ภิกษุมีศรัทธาและเข้าไปหา
ในกาลนั้น พระธรรมเทศนาจึงจะแจ่มแจ้งกะพระตถาคต ดูกรปุณณิยะ ภิกษุมีศรัทธาและ
เข้าไปหา แต่ไม่เข้านั่งใกล้ ... เข้านั่งใกล้ แต่ไม่สอบถาม ...สอบถาม แต่ไม่เงี่ยโสตฟังธรรม ...
เงี่ยโสตลงฟังธรรม แต่ฟังแล้วไม่ทรงจำธรรมไว้ ... ฟังแล้วทรงจำธรรมไว้ แต่ไม่พิจารณาเนื้อ
ความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ ...พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ แต่ไม่เป็นผู้รู้อรรถรู้ธรรม
แล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ... รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม แต่ไม่เป็นผู้มี