สาวโก อริยานํ ทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธมฺเม สุวินีโต
สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส โกวิโท สปฺปุริสธมฺเม สุวินีโต
น สกฺกายทิฏฺฐิปริยุฏฺฐิเตน เจตสา วิหรติ น สกฺกายทิฏฺฐิปเรเตน
อุปฺปนฺนาย จ สกฺกายทิฏฺฐิยา นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติ ตสฺส
สา สกฺกายทิฏฺฐิ สานุสยา ปหียติ ฯ น วิจิกิจฺฉาปริยุฏฺฐิเตน
เจตสา วิหรติ น วิจิกิจฺฉาปเรเตน อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย
นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติ ตสฺส สา วิจิกิจฺฉา สานุสยา
ปหียติ ฯ น สีลพฺพตปรามาสปริยุฏฺฐิเตน เจตสา วิหรติ น
สีลพฺพตปรามาสปเรเตน อุปฺปนฺนสฺส จ สีลพฺพตปรามาสสฺส
นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติ ตสฺส โส สีลพฺพตปรามาโส
สานุสโย ปหียติ ฯ น กามราคปริยุฏฺฐิเตน เจตสา วิหรติ น
กามราคปเรเตน อุปฺปนฺนสฺส จ กามราคสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ
ปชานาติ ตสฺส โส กามราโค สานุสโย ปหียติ ฯ น พฺยาปาทปริยุฏฺฐิเตน
เจตสา วิหรติ น พฺยาปาทปเรเตน อุปฺปนฺนสฺส จ
พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติ ตสฺส โส พฺยาปาโท
สานุสโย ปหียติ ฯ
[๑๕๖] โย อานนฺท มคฺโค ยา ปฏิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ
สญฺโญชนานํ ปหานาย ตํ มคฺคํ ตํ ปฏิปทํ อนาคมฺม
ปญฺโจรมฺภาคิยานิ สญฺโญชนานิ ญสฺสติ วา ทกฺขติ ๑ วา ปชหิสฺสติ
วาติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติ ฯ เสยฺยถาปิ อานนฺท มหโต รุกฺขสฺส
#๑ ยุ. ทกฺขีติ ฯ อิโต ปรํ อีทิสเมว ฯ
ครอบงำแล้วอยู่ และเมื่อสีลัพพตปรามาสเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่รู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสีย
ได้ตามความเป็นจริง สีลัพพตปรามาสนั้นก็เป็นของมีกำลัง อันปุถุชนนั้นบรรเทาไม่ได้แล้วชื่อว่า
เป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์ ปุถุชนนั้นมีจิตอันกามราคะกลุ้มรุมแล้ว อันกามราคะครอบงำแล้วอยู่
และเมื่อกามราคะเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่รู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสียได้ตามความเป็นจริง กาม
ราคะนั้นก็เป็นของมีกำลัง อันปุถุชนนั้นบรรเทาไม่ได้แล้ว ชื่อว่าเป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์. ปุถุชน
นั้นมีจิตอันพยาบาทกลุ้มรุมแล้ว อันพยาบาทครอบงำแล้วอยู่ และเมื่อพยาบาทเกิดขึ้นแล้ว
ย่อมไม่รู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสียได้ตามความเป็นจริง พยาบาทนั้นก็เป็นของมีกำลัง อัน
ปุถุชนนั้นบรรเทาไม่ได้แล้ว ชื่อว่าโอรัมภาคิยสังโยชน์. ดูกรอานนท์ ส่วนอริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว
ได้เห็นพระอริยะ เป็นผู้ฉลาดในธรรมของพระอริยะ ได้รับแนะนำในธรรมของพระอริยะดีแล้ว ได้
เห็นสัตบุรุษ ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ได้รับแนะนำในธรรมของสัตบุรุษดีแล้ว มีจิตอัน
สักกายทิฏฐิกลุ้มรุมไม่ได้ อันสักกายทิฏฐิครอบงำไม่ได้อยู่ และเมื่อสักกายทิฏฐิเกิดขึ้นแล้ว
ย่อมรู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสียได้ตามความเป็นจริง สักกายทิฏฐิพร้อมทั้งอนุสัย อันอริยสาวก
นั้นย่อมละได้ อริยสาวกนั้นมีจิตอันวิจิกิจฉากลุ้มรุมไม่ได้ อันวิจิกิจฉาครอบงำไม่ได้อยู่ และ
เมื่อวิจิกิจฉาเกิดขึ้นแล้ว ย่อมรู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสียได้ตามความเป็นจริง วิจิกิจฉาพร้อม
ทั้งอนุสัย อันอริยสาวกนั้นย่อมละได้. อริยสาวกนั้นมีจิตอันสีลัพพตปรามาสกลุ้มรุมไม่ได้ อัน
สีลัพพตปรามาสย่อมครอบงำไม่ได้อยู่ และเมื่อสีลัพพตปรามาสเกิดขึ้นแล้ว ย่อมรู้อุบายเป็น
เครื่องสลัดออกเสียได้ตามความเป็นจริง สีลัพพตปรามาสพร้อมทั้งอนุสัย อันอริยสาวกนั้นย่อม
ละได้. อริยสาวกนั้นมีจิตอันกามราคะกลุ้มรุมไม่ได้ อันกามราคะครอบงำไม่ได้อยู่ และเมื่อ
กามราคะเกิดขึ้นแล้ว ย่อมรู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสียได้ตามความเป็นจริง กามราคะพร้อมทั้ง
อนุสัยอันอริยสาวกนั้นย่อมละได้. อริยสาวกนั้นมีจิตอันพยาบาทกลุ้มรุมไม่ได้ อันพยาบาท
ครอบงำไม่ได้อยู่ และเมื่อพยาบาทเกิดขึ้นแล้ว ย่อมรู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสียได้ตามความ
เป็นจริง พยาบาทพร้อมทั้งอนุสัย อันอริยสาวกนั้นย่อมละได้.
มัคคปฏิปทาเครื่องละสังโยชน์
[๑๕๖] ดูกรอานนท์ ข้อที่ว่า บุคคลจักไม่อาศัยมัคคปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อละโอรัมภา
คิยสังโยชน์ ๕ แล้วจักรู้ จักเห็น หรือจักละ โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ได้นั้น ไม่เป็นฐานะที่จะ
มีได้. ดูกรอานนท์ เปรียบเหมือนข้อที่ว่า ไม่ถากเปลือก ไม่ถากกะพี้ของต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้น