ปจฺจตฺถิกาสฺส ทุกฺขิตา
ภวนฺติ ทิสฺวา มุขํ อวิการํ ๑ ปุราณํ
ชปฺเปน มนฺเตน สุภาสิเตน
อนุปฺปทาเนน ปเวณิยา วา
ยถา ยถา ยตฺถ ลเภถ อตฺถํ
ตถา ตถา ตตฺถ ปรกฺกเมยฺย
สเจ ปชาเนยฺย ๒ อลพฺภเนยฺโย
มยา วา อญฺเญน วา เอส อตฺโถ
อโสจมาโน อธิวาสเยยฺย
กมฺมํ ทฬฺหํ กินฺติ กโรมิทานีติ ฯ
[๔๙] เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส
อาราเม ฯ อถโข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน ภควา
เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ
เตน โข ปน สมเยน มลฺลิกา เทวี กาลกตา โหติ อถโข
อญฺญตโร ปุริโส เยน ราชา ปเสนทิ โกสโล เตนุปสงฺกมิ
อุปสงฺกมิตฺวา รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อุปกณฺณเก อาโรเจสิ
มลฺลิกา เทว ๓ เทวี กาลกตาติ เอวํ วุตฺเต ราชา ปเสนทิ โกสโล
ทุกฺขี ทุมฺมโน ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโณ นิสีทิ
อถโข ภควา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ทุกฺขึ ทุมฺมนํ ปตฺตกฺขนฺธํ อโธมุขํ
#๑ โป. อธิการํ ฯ ๒ โป. ยุ. สเจว ชาเนยฺย ฯ ๓ ม. เทวี เทว ฯ
ด้วยการกล่าวคำสุภาษิต ด้วยการให้
หรือด้วยการอ้างประเพณี
ก็พึงบากบั่นในที่นั้น ๆ ด้วยวิธีนั้น ๆ
ถ้าทราบว่า ‘ประโยชน์นี้ เราหรือคนอื่นไม่พึงได้’
เธอผู้ไม่เศร้าโศก ควรอดทนโดยพิจารณาว่า
‘เราได้ทำงานอย่างมุ่งมั่นแล้ว
บัดนี้ เราจะทำอย่างไร’
ฐานสูตรที่ ๘ จบ
๙. โกสลสูตร
ว่าด้วยพระเจ้าปเสนทิโกศล
{๔๙}[๔๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จเข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วประทับนั่ง ณ ที่สมควร
สมัยนั้น พระนางมัลลิกาเทวีได้สวรรคตแล้ว ลำดับนั้น มหาดเล็กคนหนึ่ง
เข้าไปเฝ้าพระเจ้าปเสนทิโกศลแล้วกราบทูลกระซิบที่ใกล้พระกรรณว่า ‘ขอเดชะ
พระนางมัลลิกาเทวีวรรคตแล้ว’ เมื่อมหาดเล็กกราบทูลอย่างนี้แล้ว พระเจ้า
ปเสนทิโกศลก็ทรงมีทุกข์ เสียพระทัย ประทับนั่งพระศอตกก้มพระพักตร์ ทรง
ครุ่นคิด ทรงอ้ำอึ้งอยู่
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบแล้ว จึงตรัสกับพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า
มหาบพิตร ฐานะ ๕ ประการนี้ อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม
หรือใคร ๆ ในโลกไม่พึงได้