ตณฺหสมุทยา ตณฺหาชาติกา ตณฺหาปภวา ฯ ตณฺหา จายํ
ภิกฺขเว กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา กึปภวา ฯ ตณฺหา เวทนานิทานา
เวทนาสมุทยา เวทนาชาติกา เวทนาปภวา ฯ เวทนา
จายํ ภิกฺขเว กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา กึปภวา ฯ เวทนา
ผสฺสนิทานา ผสฺสสมุทยา ผสฺสชาติกา ผสฺสปภวา ฯ ผสฺโส
จายํ ภิกฺขเว กึนิทาโน กึสมุทโย กึชาติโก กึปภโว ฯ ผสฺโส
สฬายตนนิทาโน สฬายตนสมุทโย สฬายตนชาติโก สฬายตนปภโว ฯ
สฬายตนญฺจิทํ ภิกฺขเว กึนิทานํ กึสมุทยํ กึชาติกํ กึปภวํ ฯ
สฬายตนํ นามรูปนิทานํ นามรูปสมุทยํ นามรูปชาติกํ นามรูปปภวํ ฯ
นามรูปญฺจิทํ ภิกฺขเว กึนิทานํ กึสมุทยํ กึชาติกํ กึปภวํ ฯ นามรูปํฎ
วิญฺญาณนิทานํ วิญฺญาณสมุทยํ วิญฺญาณชาติกํ วิญฺญาณปภวํ ฯ
วิญฺญาณญฺจิทํ ภิกฺขเว กึนิทานํ กึสมุทยํ กึชาติกํ
กึปภวํ ฯ วิญฺญาณํ สงฺขารนิทานํ สงฺขารสมุทยํ สงฺขารชาติกํ
สงฺขารปภวํ ฯ สงฺขารา จิเม ภิกฺขเว กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา
กึปภวา ฯ สงฺขารา อวิชฺชานิทานา อวิชฺชาสมุทยา อวิชฺชาชาติกา
อวิชฺชาปภวา ฯ ยโต จ โข ภิกฺขเว ภิกฺขุโน อวิชฺชา ปหีนา
โหติ วิชฺชา อุปฺปนฺนา โส อวิชฺชาวิราคา วิชฺชุปฺปาทา เนว
กามุปาทานํ อุปาทิยติ น ทิฏฺฐุปาทานํ อุปาทิยติ น สีลพฺพตุปาทานํ
อุปาทิยติ น อตฺตวาทุปาทานํ อุปาทิยติ อนุปาทิยํ น ปริตสฺสติ
อปริตสฺสํ ปจฺจตฺตญฺเญว ปรินิพฺพายติ ขีณา ชาติ
เหตุอะไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะข้อนั้นเป็นความเลื่อมใสในธรรมวินัยที่
ศาสดากล่าวชั่วแล้ว ประกาศชั่วแล้ว มิใช่สภาพนำออกจากทุกข์ ไม่เป็นไป
เพื่อความสงบ มิใช่อันผู้รู้เองโดยชอบประกาศไว้.
[๑๕๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เท่านั้นแล เป็นผู้มีวาทะรอบรู้อุปาทานทุกอย่าง ปฏิญาณอยู่ ย่อมบัญญัติความ
รอบรู้อุปาทานทุกอย่างโดยชอบ คือ ย่อมบัญญัติความรอบรู้กามุปาทาน ย่อม
บัญญัติความรอบรู้ทิฏฐุปาทาน ย่อมบัญญัติความรอบรู้สีลัพพตุปาทาน ย่อม
บัญญัติความรอบรู้อัตตวาทุปาทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเลื่อมใสใน
ศาสดาใด ความเลื่อมใสนั้น เรากล่าวว่าไปแล้วโดยชอบ ความเลื่อมใสใน
ธรรมใด ความเลื่อมใสนั้น เรากล่าวว่าไปแล้วโดยชอบ ความกระทำให้
บริบูรณ์ในศีลใด ข้อนั้นเรากล่าวว่าไปแล้วโดยชอบ ความเป็นที่รักและน่า
พอใจในหมู่สหธรรมิกใด ข้อนั้นเรากล่าวว่าไปแล้วโดยชอบ ในพระธรรมวินัย
เห็นปานนี้แล ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะข้อนั้นเป็น
ความเลื่อมใสในธรรมวินัยอันศาสดากล่าวดีแล้ว ประกาศดีแล้ว เป็นสภาพนำ
ออกจากทุกข์ เป็นไปเพื่อความสงบ อันท่านผู้รู้เองโดยชอบ ประกาศแล้ว.
ตัณหาเป็นเหตุเกิดอุปาทาน
[๑๕๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุปาทาน ๔ เหล่านี้ มีอะไรเป็น
ต้นเหตุ มีอะไรเป็นเหตุเกิด มีอะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด. อุปาทาน
๔ เหล่านี้ มีตัณหาเป็นต้นเหตุ มีตัณหาเป็นเหตุเกิด มีตัณหาเป็นกำเนิด มี
ตัณหาเป็นแดนเกิด. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตัณหานี้เล่า มีอะไรเป็นต้นเหตุ มี
อะไรเป็นเหตุเกิด มีอะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด. ตัณหามีเวทนา
เป็นต้นเหตุ มีเวทนาเป็นเหตุเกิด มีเวทนาเป็นกำเนิด มีเวทนาเป็นแดนเกิด.