[๗๖๓] เอวมฺเม สุตํ เอกํ สมยํ ภควา สุมฺเภสุ วิหรติ
เสทกนฺนาม สุมฺภานํ นิคโม ฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ
ภิกฺขโวติ ฯ ภทนฺเตติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ ฯ ภควา
เอตทโวจ
[๗๖๔] เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว ชนปทกลฺยาณี ชนปทกลฺยาณีติ โข
ภิกฺขเว มหาชนกาโย สนฺนิปเตยฺย ฯ สา โข ปน ๑ ชนปทกลฺยาณี
ปรมปาสาวินี นจฺเจ ปรมปาสาวินี คีเต ชนปทกลฺยาณี นจฺจติ
คายตีติ โข ภิกฺขเว ภิยฺโยโส มตฺตาย มหาชนกาโย สนฺนิปเตยฺย ฯ
อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ชีวิตุกาโม อมริตุกาโม สุขกาโม ทุกฺขปฏิกูโล
ตเมนํ เอวํ วเทยฺย อยนฺเต อมฺโภ ปุริส สมติตฺติโก
เตลปตฺโต อนฺตเรน จ มหาสมชฺชํ อนฺตเรน จ ชนปทกลฺยาณิยา
ปริหริตพฺโพ ฯ ปุริโส จ เตน อุกฺขิตฺตาสิโก ปิฏฺฐิโต ปิฏฺฐิโต
อนุพนฺธิสฺสติ ยตฺเถว นํ โถกํปิ ฉฑฺเฑสฺสสิ ๒ ตตฺเถว เต สิโร
ปาติสฺสตีติ ฯ ตํ กึ มญฺญถ ภิกฺขเว อปิ นุ โส ปุริโส8
อมุํ เตลปตฺตํ อมนสิกริตฺวา พหิทฺธา ปมาทํ อาหเรยฺยาติ ฯ โน
เหตํ ภนฺเต ฯ
[๗๖๕] อุปมา โข มฺยายํ ภิกฺขเว กตา อตฺถสฺส วิญฺญาปนาย
อยเมเวตฺถ ๓ อตฺโถ ฯ สมติตฺติโก เตลปตฺโตติ โข ภิกฺขเว กายคตาย
เอตํ สติยา อธิวจนํ ฯ
[๗๖๖] ตสฺมา ติห ภิกฺขเว เอวํ สิกฺขิตพฺพํ กายคตา สติ [๔]
#๑ ม. ยุ. ปนสฺส ฯ ๒ ม. ยุ. ฉฑฺเฑสฺสติ ฯ ๓ ม. ยุ. ____เจเวตฺถ ฯ
#๔ ม. ยุ. โน ฯ
เป็นไปกับส่วนเบื้องต้น. คำว่า ด้วยความเป็นผู้มีจิตที่ประกอบด้วยความ
หวังดี คือด้วยความรักที่เป็นไปกับส่วนเบื้องต้น. คำว่า ด้วยความเอ็นดู
หมายถึงด้วยความบันเทิงอันเป็นไปกับส่วนเบื้องต้นแห่งความค่อย ๆ เจริญ.
ในคำว่า เมื่อรักษาคนอื่นก็ชื่อว่ารักษาตน นี้มีอธิบายว่า ภิกษุไปสู่ที่พัก
กลางคืนหรือที่พักกลางวันแล้ว ทำฌานหมวดสามหรือหมวดสี่ในพรหมวิหารให้
เกิดแล้ว เอาฌานเป็นที่รองรับมาพิจารณาสังขาร เจริญวิปัสสนาจนได้เป็นพระ-
อรหันต์นี้ ก็พึงทราบว่า เมื่อรักษาคนอื่นก็ชื่อว่ารักษาตนด้วย.
จบอรรถกถาปฐมเสทกสูตรที่ ๙
๑๐. ทุติยเสทกสูตร
ว่าด้วยกายคตาสติ
[๗๖๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ นิคมของชาวสุมภะ ชื่อ
เสทกะ ในสุมภชนบท. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุ
ทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระดำรัสนี้ว่า
[๗๖๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนหมู่มหาชนได้ทราบข่าว
ว่า มีนางงามในชนบท ๆ พึงประชุมกัน. ก็นางงามในชนบทนั้น แสดงได้
ดีในการฟ้อนรำ แสดงได้ดียิ่งในการขับร้อง หมู่มหาชนได้ทราบข่าวว่า นาง