จรวรรคที่ ๒
จารสูตร
[๑๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้กามวิตก พยาบาทวิตก หรือวิหิงสาวิตกเกิดขึ้นแก่
ภิกษุผู้กำลังเดินอยู่ และภิกษุยินดี ไม่ละ ไม่บรรเทา ไม่ทำให้ถึงความพินาศซึ่งวิตกนั้น ไม่ให้
ถึงความไม่มี ภิกษุแม้กำลังเดินอยู่เป็นอย่างนี้แล้วเราเรียกว่า ผู้ไม่มีความเพียร ไม่มีโอตตัปปะ
เกียจคร้าน มีความเพียรเลวเป็นนิจนิรันดร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้กามวิตก พยาบาทวิตก
หรือวิหิงสาวิตกเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้ยืนอยู่ และภิกษุยินดี ไม่ละ ไม่บรรเทา ไม่ทำให้ถึงความพินาศ
ซึ่งวิตกนั้น ไม่ให้ถึงความไม่มี ภิกษุแม้ยืนอยู่เป็นอย่างนี้ เราเรียกว่า ผู้ไม่มีความเพียร ไม่มี
โอตตัปปะ เกียจคร้าน มีความเพียรเลวเป็นนิจนิรันดร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้กามวิตก พยาบาท
วิตก หรือวิหิงสาวิตก เกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้นั่งอยู่ และภิกษุยินดี ไม่ละ ไม่บรรเทา ไม่ทำให้ถึง
ความพินาศซึ่งวิตกนั้นไม่ให้ถึงความไม่มี ภิกษุแม้นั่งอยู่เป็นอย่างนี้ เราเรียกว่า ผู้ไม่มีความ
เพียรไม่มีโอตตัปปะ เกียจคร้าน มีความเพียรเลวเป็นนิจนิรันดร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้กาม
วิตก พยาบาทวิตก หรือวิหิงสาวิตก เกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้นอนตื่นอยู่ และภิกษุยินดี ไม่ละ ไม่
บรรเทา ไม่ทำให้ถึงความพินาศซึ่งวิตกนั้น ไม่ให้ถึงความไม่มี ภิกษุแม้นอนตื่นอยู่เป็นอย่างนี้
เราเรียกว่า ผู้ไม่มีความเพียร ไม่มีโอตตัปปะเกียจคร้าน มีความเพียรเลวเป็นนิจนิรันดร ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้กามวิตกพยาบาทวิตก หรือวิหิงสาวิตก เกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้เดินอยู่ และภิกษุ
ไม่ยินดี ละบรรเทา กระทำให้พินาศซึ่งวิตกนั้น ให้ถึงความไม่มี ภิกษุแม้เดินอยู่เป็นอย่างนี้เรา
เรียกว่า ผู้มีความเพียร มีโอตตัปปะ มีความเพียรอันปรารภแล้วเป็นนิจนิรันดรมีใจเด็ดเดี่ยว ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้กามวิตก พยาบาทวิตก หรือวิหิงสาวิตกเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้ยืนอยู่ และภิกษุ
ไม่ยินดี ละ บรรเทา กระทำให้พินาศซึ่งวิตกนั้น ให้ถึงความไม่มี ภิกษุแม้ยืนอยู่เป็นอย่างนี้
เราเรียกว่า ผู้มีความเพียรมีโอตตัปปะ มีความเพียรอันปรารภแล้วเป็นนิจนิรันดร มีใจเด็ดเดี่ยว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้กามวิตก พยาบาทวิตก หรือวิหิงสาวิตก เกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้นั่งอยู่และ
ภิกษุไม่ยินดี ละ บรรเทา กระทำให้พินาศซึ่งวิตกนั้น ให้ถึงความไม่มีภิกษุแม้นั่งอยู่เป็นอย่างนี้
เราเรียกว่าผู้มีความเพียร มีโอตตัปปะ มีความเพียรอันปรารภแล้วเป็นนิจนิรันดร มีใจเด็ดเดี่ยว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้กามวิตกพยาบาทวิตก หรือวิหิงสาวิตก เกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้นอนตื่นอยู่
๒. จรวรรค
หมวดว่าด้วยอิริยาบถเดิน
๑. จรสูตร
ว่าด้วยอิริยาบถเดิน
{๑๑}[๑๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย ถ้ากามวิตก (ความตรึกในทาง
กาม) พยาบาทวิตก (ความตรึกในทางพยาบาท) หรือวิหิงสาวิตก (ความตรึกใน
ทางเบียดเบียน) เกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้กำลังเดิน และภิกษุยินดีวิตกนั้น ไม่ละ ไม่บรรเทา
ไม่ทำให้หมดสิ้นไป ไม่ทำให้ถึงความไม่มี ภิกษุแม้กำลังเดิน ผู้เป็นอย่างนี้๑ไม่มี
ความเพียร ไม่มีโอตตัปปะ เราเรียกว่า ‘ผู้เกียจคร้าน มีความเพียรย่อหย่อนต่อ
เนื่องตลอดไป’
ถ้ากามวิตก พยาบาทวิตก หรือวิหิงสาวิตกเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้กำลังยืน และ
ภิกษุยินดีวิตกนั้น ไม่ละ ไม่บรรเทา ไม่ทำให้หมดสิ้นไป ไม่ทำให้ถึงความไม่มี
ภิกษุแม้กำลังยืน ผู้เป็นอย่างนี้ไม่มีความเพียร ไม่มีโอตตัปปะ เราก็เรียกว่า ‘ผู้
เกียจคร้าน มีความเพียรย่อหย่อนต่อเนื่องตลอดไป’
ถ้ากามวิตก พยาบาทวิตก หรือวิหิงสาวิตกเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้กำลังนั่ง และ
ภิกษุยินดีวิตกนั้น ไม่ละ ไม่บรรเทา ไม่ทำให้หมดสิ้นไป ไม่ทำให้ถึงความไม่มี
ภิกษุแม้กำลังนั่ง ผู้เป็นอย่างนี้ไม่มีความเพียร ไม่มีโอตตัปปะ เราก็เรียกว่า ‘ผู้
เกียจคร้าน มีความเพียรย่อหย่อนต่อเนื่องตลอดไป’
ถ้ากามวิตก พยาบาทวิตก หรือวิหิงสาวิตกเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้กำลังนอน ตื่นอยู่
และภิกษุยินดีวิตกนั้น ไม่ละ ไม่บรรเทา ไม่ทำให้หมดสิ้นไป ไม่ทำให้ถึงความไม่มี
ภิกษุแม้กำลังนอน ตื่นอยู่ ผู้เป็นอย่างนี้ไม่มีความเพียร ไม่มีโอตตัปปะ เราก็เรียกว่า
‘ผู้เกียจคร้าน มีความเพียรย่อหย่อนต่อเนื่องตลอดไป’
ถ้ากามวิตก พยาบาทวิตก หรือวิหิงสาวิตกเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้กำลังเดิน และ
ภิกษุไม่ยินดีวิตกนั้น ละ บรรเทา ทำให้หมดสิ้นไป ทำให้ถึงความไม่มี ภิกษุแม้