๓. กลิ่นที่จะพึงรู้แจ้งได้ด้วยจมูก ซึ่งน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ น่ารัก ประกอบ
ด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ฯ
๔. รสที่จะพึงรู้แจ้งได้ด้วยลิ้น ซึ่งน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ น่ารัก ประกอบ
ด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ฯ
๕. โผฏฐัพพะที่จะพึงรู้แจ้งได้ด้วยกาย ซึ่งน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ น่ารัก
ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ฯ
[๒๘๑] คติ ๕ อย่าง
๑. นิรยะ [นรก]
๒. ติรัจฉานโยนิ [กำเนิดดิรัจฉาน]
๓. ปิตติวิสัย [ภูมิแห่งเปรต]
๔. มนุสสะ [มนุษย์]
๕. เทวะ [เทวดา] ฯ
[๒๘๒] มัจฉริยะ ๕ อย่าง
๑. อาวาสมัจฉริยะ [ตระหนี่ที่อยู่]
๒. กุลมัจฉริยะ [ตระหนี่สกุล]
๓. ลาภมัจฉริยะ [ตระหนี่ลาภ]
๔. วัณณมัจฉริยะ [ตระหนี่วรรณะ]
๕. ธัมมมัจฉริยะ [ตระหนี่ธรรม] ฯ
[๒๘๓] นีวรณ์ ๕ อย่าง
๑. กามฉันทนีวรณ์ [ธรรมที่กั้นจิต คือ ความพอใจในกาม]
๒. พยาปาทนีวรณ์ [ธรรมที่กั้นจิต คือความพยาบาท]
๓. ถีนมิทธนีวรณ์ [ธรรมที่กั้นจิต คือความที่จิตหดหู่และเคลิบเคลิ้ม]
๔. อุทธัจจกุกกุจจนีวรณ์ [ธรรมที่กั้นจิต คือความฟุ้งซ่านและรำคาญ]
๕. วิจิกิจฉานีวรณ์ [ธรรมที่กั้นจิต คือความสงสัย] ฯ