ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ไม่ได้.
ดูกรวาเสฏฐะ ฉันนั้นเหมือนกัน นิวรณ์ ๕ อย่างเหล่านี้ ในวินัยของพระอริยเจ้า
เรียกว่า เครื่องหน่วงเหนี่ยวบ้าง เครื่องกางกั้นบ้าง เครื่องรัดรึงบ้าง เครื่องตรึงตราบ้าง นิวรณ์ ๕
เป็นไฉน? คือ กามฉันทนิวรณ์ พยาปาทนิวรณ์ ถิ่นมิทธนิวรณ์ อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ นิวรณ์ ๕
เหล่านี้แล ในวินัยของพระอริยเจ้า เรียกว่าเครื่องหน่วงเหนี่ยวบ้าง เครื่องกางกั้นบ้าง เครื่อง
รัดรึงบ้าง เครื่องตรึงตราบ้าง.
[๓๗๙] ดูกรวาเสฏฐะ พวกพราหมณ์ผู้ได้ไตรวิชชา ถูกนิวรณ์ ๕ เหล่านี้ ปกคลุม
หุ้มห่อ รัดรึง ตรึงตราแล้ว ก็พราหมณ์ผู้ได้ไตรวิชชาเหล่านั้น ละธรรมที่ทำบุคคลให้เป็นพราหมณ์
เสีย สมาทานธรรมที่มิใช่ทำบุคคลให้เป็นพราหมณ์ประพฤติอยู่ ถูกนิวรณ์ ๕ ปกคลุม หุ้มห่อ
รัดรึง ตรึงตราแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงความเป็นสหายแห่งพรหม ข้อนี้
ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้.
[๓๘๐] ดูกรวาเสฏฐะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ท่านเคยได้ยินพราหมณ์
ผู้เฒ่าผู้แก่ เป็นอาจารย์และปาจารย์กล่าวว่ากระไรบ้าง พรหมมีเครื่องเกาะคือสตรีหรือไม่มี?
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ไม่มี.
มีจิตจองเวรหรือไม่มี?
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ไม่มี.
มีจิตเบียดเบียนหรือไม่มี?
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ไม่มี.
มีจิตเศร้าหมองหรือไม่มี?
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ไม่มี.
ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้หรือไม่ได้?
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ได้.
ดูกรวาเสฏฐะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน พราหมณ์ผู้ได้ไตรวิชชา มีเครื่องเกาะ
คือสตรีหรือไม่มี.